วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

เก็บรอยเท้าที่สามห่วง

ถ้าเปรียบนิคมอุตสาหกรรมบางปูเป็นสนามรบ ชุมชนสามห่วงคงเปรียบได้กับป้อมค่ายทหาร ที่ให้ทหารได้พักผ่อนเอาแรงหลังตรากตรำทำศึก ก่อนออกรบอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น!

เดินทางตามถนนสุขุมวิทสายเก่าจากปากน้ำถึงกิโลเมตรที่สามสิบสาม แล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานปูนข้ามคลอง เมื่อลงจากสะพานคุณจะเจอสถานที่ที่ผมเรียกว่า "ชุมชนสามห่วง"

คุณจะเห็นถนนลาดยางมะตอยทอดยาวสองฝากจะเต็มไปด้วยร้านค้า ตึกแถว และคอนโด ถนนเล็กๆ สายนี้ทำหน้าที่เหมือนเส้นเลือดที่ล่อเลี้ยงนิคมอุตสาหกรรมบางปู

สภาพที่เล่ามานี่แตกต่างกันมากับเมื่อปลายปี 2538

ยุคนั้นหน้าจะตรงกับรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา เป็นช่วงท้ายๆ ของยุคตื่นอสังหาริมทรัพย์ เศรษฐกิจของประเทศเฟื่องฟู โรงงานแต่ละโรงในนิคมอุตสากรรมบางปูเดินเครื่องกันไม่หยุด พอๆ กับชีวิตผู้คนในสามห่วง

ณ เวลานั้นความเจริญของสามห่วงเติบโตเพียงฝากเดียวของถนน ถ้ามาจากถนนสุขุมวิททางซ้ายมือจะเห็นอาคารพาณิชย์เรียงกันยาวเหยียดมาถนน ถัดจากนั้นเห็นห้องแถวอีกหลายสิบห้อง อาคารพาณิชย์หลังใหม่สร้างอยู่ตรงข้ามโรงงานผลิตน้ำผลไม้ตรามาลี และร้านสุกี้แคนต้า

หลังอาคารพาณิชย์คือคอนโดราคาย่อมเยาจำนวนหลายสิบตึก ตลาดสด และตลาดเสื้อผ้า

บรรยากาศวันนั้นผู้คนมากมายเดินเบียดกันแต่ทุกคนก็ยังมีรอยยิ้มให้กัน ห้องแถวแต่ละห้องมีพ่อค้าแม่ขายมาจับจองพื้นที่ขายกันอย่างคึกคัก

ยิ่งเย็นวันศุกร์จะมีเวทีประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ผู้คนจะยิ่งกว่าเป็นเท่าตัว ผม พ่อ และ แม่ เราจะอยู่ที่ข้างเวทีในวันนั้นเพื่อขายน้ำแข็งเกร็ดหิมะ มันขายดีมาก จนเราสามพ่อแม่ลูกวาดฝันกันว่าอนาคตครอบครัวเราคงตั้งต้นได้ที่นี่

แต่เมื่อรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เศรษฐกิจล่มสลาย ในปี 2540 ความหวังของเราก็แทบดับดิ้น สามห่วงที่เรารู้จักกลับกลายเป็นคนแปลกหน้า

เวทีประกวดร้องเพลงลูกทุ่งหายไป อาคารพาณิชย์และห้องแถวถูกปล่อยร้าง อาคารพาณิชย์หลังใหม่สร้างได้แค่ชั้นที่สองก็ถูกทิ้งร้าง ร้านสุกี้แคนต้าถูกปิดตาย ผู้คนบางตาและไม่มีรอยยิ้ม

เวลานั้นไม่ว่าผมกับพ่อจะเร่ขายของตามหน้าโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางปูซอกซอยไหน เราจะเห็นการประท้วงเรียกร้องค่าจ้างมากมายตามหน้าโรงงานที่ปิดตัวลง

มันเป็นภาพที่หน้าหดหู่ บางโรงงานปิดตัวลงทั้งที่ยังไมได้แจ้งพนักงานของตัวเองแม้สักคำ มันเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างไม่น่าให้อภัย

ณ ปัจจุบัน 2554 สามห่วงแม้จะมีความคึกคักกลับขึ้นมาบ้าง แต่ว่ามันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว อาคาพาณิชย์ใหม่ถูกสร้างขึ้นมาอีกฝากหนึ่งของถนนขณะที่อาคารพาณิชย์หลังเก่าและห้องแถวยังถูกทิ้งร้างไร้ชีวิต ตลาดเสื้อผ้าแทบจะสูญพันธ์ สิ่งเดียวที่พอจะยังสดชื่นอยู่บ้างคือตลาดสด แต่นับวันก็ซักจะโรยราเหมือนกัน

ผู้คนที่เข้ามาอยู่อาศัยในสามห่วงดูแปลกน่าไปอย่างมาก นอกจากแรงงานในต่างจังหวัดแล้วยังมีแรงงานต่างด้าวทั้งที่ถูกกฏหมายและนอกกฏหมายปะปนอยู่กับคนไทยจำนวนมาก ความแปลกแยกนี้บางครั้งก็นำมาซึ่งความรุ่นแรง ยาเสพติดและอาชญากรรม

สภาพที่เกิดขึ้นกับสามห่วงยังเกิดขึ้นกับชุมชนอีกหลายชุมชนรอบนิคมอุสาหกรรมบางปู และการมาถึงของบิ๊กซีปากน้ำและเทสโกโลตสบางปูยิ่งทำเศรษฐกิจในชุมชนเหล่านั้นซบเซาลงอีก

ทุกวันนี้ผมยังคงเดินเข้าตลาดสามห่วงเพื่อจับจ่ายซื้อข้าวของอยู่ ยังเจอพ่อค้าแม่ขายที่คุ้นหน้าคุ่นตากันอยู่บ้าง แต่รอยยิ้มที่มอบให้แก่กันมันหดหู่อย่างไรชอบกล

ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์ของสามห่วงมันจะเปลี่ยนแปลงอีกมากน้อยแค่ไหนจากนี้ แต่ที่เห็นถนนสายเล็กๆ แห่งนี้มันก็ยังทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อตรงไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น